จ.สกลนคร เปิดเทศกาลแห่ดาวคริสต์มาส 2022 นครแห่งดวงดาวสีสันแห่งหนองหาร ตื่นตา ตื่นใจแห่ดาวทางน้ำ โชว์แห่ดาวทางอากาศ แสง สี เสียง ประวัติบ้านท่าแร่ และเล่าเรื่องราวการกำเนิดของพระเยซู
เมื่อช่วงค่ำวานนี้ (22 ธ.ค.65) จังหวัดสกลนคร จัดงานเทศกาลแห่ดาวคริสต์มาส ประจำปี ค.ศ 2022 ระหว่างวันที่ 20-25 ธันวาคม 2565 โดยวันนี้ เป็นวันแรกของการแห่ดาว ซึ่งเป็นการแห่ดาวทางน้ำ จัดขึ้นเป็นปีที่ 2 ที่บริเวณสวนสาธารณะดอนเกิน ตำบลท่าแร่ อำเภอเมืองสกลนคร มีนักท่องเที่ยว คริสตชน และประชาชนทั่วไป เดินทางมาถ่ายภาพกับดวงดาว และการประดับตกแต่งไฟที่สวยงามอย่างคับคั่ง โดยวันนี้มีนายพิสิษฐ์ แร่ทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร เป็นประธานเปิดงาน มีนางสุพัตรา แร่ทอง รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดสกลนคร นายกเทศมนตรีตำบลท่าแร่ หัวหน้าส่วนราชการ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมงาน
สำหรับการแห่ดาวทางน้ำ มีขบวนแห่ที่เป็นแพดาวดวงเล็ก ล้อมรอบแพแห่ดาวใหญ่ 3 แพ นอกจากนี้องค์การบริหารส่วนจังหวัดสกลนคร ได้จัดการแสดงแห่ดาวทางอากาศ โดยใช้โดรนบินไปรอบบึงหนองหาร สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ร่วมงานเป็นอย่างมาก
ส่วนการแสดงบนเวทีเป็นเรื่องราวประวัติของชาวท่าแร่ และการบังเกิดของพระเยซูเจ้า การแสดงศิลปวัฒนธรรมของชนเผ่าจังหวัดสกลนคร กิจกรรมถนนคนเดิน บริเวณโบสถ์อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอลท่าแร่ สำหรับวันที่ 23 ธันวาคม แห่ดาวทางบก วันที่ 24 ธันวาคม แห่ดาวเล็ก รอบโบสถ์อาสนวิหารอัครเทวดามีคาแอล ท่าแร่ ก่อนเข้าทำพิธีทางศาสนา วันที่ 25 ธันวาคม แห่ดาวใจกลางเมืองสกลนคร ตั้งแต่ ลาน ร.5 ศาลากลางจังหวัด ไปจนถึงโรงเรียนเซนยอแซฟสกลนคร ระยะทางประมาณ 2-3 กิโลเมตร เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เก็บบันทึกภาพความสวยงามของดวงดาวอย่างใกล้ชิด.
ศปน.ตร.ปฏิบัติการทลายแก๊งปล่อยเงินกู้นอกระบบดอกเบี้ยโหดผ่านแอปพลิเคชัน ส่งข้อความข่มขู่ลูกหนี้ รวบนายทุนจีนพร้อมพวก 19 ราย พบเงินสะพัดในระบบกว่า 2,500 ล้านบาท
ในช่วงปลายปี 2564 ถึงปี 2565 มีผู้เสียหายมาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. กรณีกู้เงินมาจากแอปพลิเคชันเงินกู้นอกระบบชื่อ กระเป๋าให้ท่านมีที่ยืม และ Self service รวมถึงแอปพลิเคชันอื่นที่เกี่ยวข้องอีกกว่า 40 แอปพลิเคชัน โดยเรียกดอกเบี้ยโหดกว่าร้อยละ 2,080 ต่อปี นอกจากนั้นยังมีพฤติการณ์ข่มขู่จะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของลูกหนี้ เป็นเหตุให้ประชาชนได้รับความเสียหาย จากกรณีดังกล่าว ศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปน.ตร.) นำโดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปน.ตร., พล.ต.ท.สราวุฒิ การพานิช ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศปน.ตร., พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศปน.ตร. ได้สั่งการให้ บช.ก.เร่งรัดปราบปรามแอปพลิเคชันเงินกู้นอกระบบที่เอารัดเอาเปรียบประชาชน เรียกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตรากว่าที่กฎหมายกำหนด และมีการข่มขู่คุกคามผู้กู้ให้ได้รับความเดือดร้อน พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. จึงได้มอบหมายให้ บก.ปอศ. โดย พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ. ดำเนินการสืบสวนหาเครือข่ายผู้กระทำความผิดดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
ต่อมาวันที่ 15 ธ.ค. 65 พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รอง ผบช.ภ.1 และหัวหน้าชุดปฏิบัติการส่วนกลาง ศปน.ตร. พร้อมด้วยชุดปฏิบัติการ บก.ปอศ. ร่วมบูรณาการกับ น. ภ.1 ภ.2 ภ.5 และ ภ.7 รวมกำลังทั้งสิ้นกว่า 100 นาย บุกทลายเครือข่ายลักลอบปล่อยเงินกู้นอกระบบผ่านแอปพลิเคชันชื่อ “Self service” และ แอปพลิเคชันอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกว่า 40 แอปพลิเคชัน ซึ่งมีพฤติการณ์ในการปล่อยเงินกู้ เรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด ทวงถามหนี้โดยส่งข้อความข่มขู่คุกคามผู้เสียหาย ซึ่งจากการสืบสวนพบว่ามีกลุ่มทุนชาวจีนอยู่เบื้องหลัง โดยเจ้าหน้าที่สามารถพิสูจน์ทราบบุคคลที่เกี่ยวข้องกับแอปพลิเคชันดังกล่าว และออกหมายจับผู้ต้องหาจำนวน 23 หมาย ผู้ต้องหา 22 ราย และได้ปฏิบัติการเข้าตรวจค้นเป้าหมายจำนวน 22 จุด ในพื้นที่ 6 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี เชียงราย พะเยา ชลบุรี และประจวบคีรีขันธ์ สามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ทั้งหมด 20 หมาย ผู้ต้องหา 19 ราย ประกอบด้วย
1. น.ส.เปา ลู่ ซัน สัญชาติจีน อายุ 34 ปี ตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรปราการที่ 828/2565 ลง 13 ธ.ค. 65
2. น.ส.ไช่ ซิง เหมย สัญชาติจีน อายุ 29 ปี ตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรปราการ ที่ 829/2565 ลง 13 ธ.ค. 65 และหมายจับของศาลจังหวัดชลบุรี ที่ 737/2565 ลง 13 ธ.ค. 65
3. น.ส.กรรณฐภรรฐ อายุ 32 ปี ตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรปราการ ที่ 821/2565 ลง 13 ธ.ค. 65
4. นายกิติศักดิ์ อายุ 33 ปี ตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรปราการ ที่ 818/2565 ลง 13 ธ.ค. 65
5. น.ส.ดวงนภา อายุ 37 ปี ตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรปราการ ที่ 825/2565 ลง 13 ธ.ค. 65
6. น.ส.พรรณรัตน์ อายุ 28 ปี ตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรปราการ ที่ 822/2565 ลง 13 ธ.ค. 65
7. น.ส.น้ำฝน อายุ 27 ปี ตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรปราการ ที่ 823/2565 ลง 13 ธ.ค. 65
8. น.ส.บุญเพ็ง นาพรม อายุ 47 ปี ตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรปราการ ที่ 824/2565
ลง 13 ธ.ค. 65
9. นายคณิน อุดมเดช อายุ 25 ปี ตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรปราการ ที่ 820/2565 ลง 13 ธ.ค. 65
10. นายสราวุฒ ดงพลับ อายุ 25 ปี ตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรปราการ ที่ 819/2565
ลง 13 ธ.ค. 65
11. น.ส.ปราณี อายุ 29 ปี ตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรปราการ ที่ 817/2565 ลง 13 ธ.ค. 65
12. นายอำนาจ อายุ 48 ปี ตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรปราการ ที่ 826/2565 ลง 13 ธ.ค. 65
13. น.ส.ดารณี อายุ 32 ปี ตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรปราการ ที่ 827/2565 ลง 13 ธ.ค. 65
14. นางสาวพัชรินทร์ อายุ 50 ปี ตามหมายจับของศาลจังหวัดชลบุรี ที่ 728/2565 ลง 13 ธ.ค. 65
15. นางสาวสุพรรษา อายุ 25 ปี ตามหมายจับของศาลจังหวัดชลบุรี ที่ 729/2565 ลง 13 ธ.ค. 65
16. นายเกรียงไกร อายุ 50 ปี ตามหมายจับของศาลจังหวัดชลบุรี ที่ 733/2565 ลง 13 ธ.ค. 65
17. นายธนดล อายุ 31 ปี ตามหมายจับของศาลจังหวัดชลบุรี ที่ 734/2565 ลง 13 ธ.ค. 65
18. นางสาวศิริพร อายุ 25 ปี ตามหมายจับของศาลจังหวัดชลบุรี ที่ 735/2565 ลง 13 ธ.ค. 65
19. นางสาวคนึง อายุ 58 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดชลบุรี ที่ 730/2565 ลง 13 ธ.ค. 65
โดยผู้ต้องหาทั้ง 19 ราย จะถูกดำเนินคดีในความผิดฐาน “ร่วมกันประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับเป็นทางการค้าปกติโดยไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, ร่วมกันให้กู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด และร่วมกันทวงถามหนี้ในลักษณะข่มขู่”
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังสามารถตรวจยึดของกลางได้ รวม 7 รายการ ประกอบด้วย
1. สมุดบัญชีเงินฝาก จำนวน 5 เล่ม
2. คอมพิวเตอร์ จำนวน 3 เครื่อง
3. บัตรอิเล็คทรอนิกส์ จำนวน 3 ใบ
4. โทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่อง
5. ซิมการ์ด จำนวน 4 ซิม
6. เราเตอร์ จำนวน 1 เครื่อง
7. อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 5 เครื่อง
และได้อายัดบัญชีเงินฝากที่เกี่ยวข้อง จำนวน 33 บัญชี ยอดเงิน 5,293,869.77 บาท
จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่าแอปพลิเคชัน กระเป๋าให้ท่านมีที่ยืม และ Self service มีลักษณะคล้ายกันโดยเมื่อดาวน์โหลดแอปพลิเคชันแล้วจะพบว่าภายในแอปพลิเคชันดังกล่าวมีแอปพลิเคชันย่อยแอบแฝงอยู่กว่า 40 แอปพลิเคชัน ซึ่งลูกหนี้สามารถเลือกกู้เงินได้ โดยมีการคิดค่าบริการร้อยละ 40 ของยอดเงินกู้ ต่อ 7 วัน หรือคิดดอกเบี้ยกว่าร้อยละ 2,080 ต่อปี เมื่อลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ตามกำหนดเวลา ก็จะโทรศัพท์และส่งข้อความมาทวงถามในลักษณะข่มขู่คุกคามว่าจะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล จากการสืบสวนเพิ่มเติมพบว่าผู้อยู่เบื้องหลังคือนายทุนชาวจีนที่เป็นผู้รับผลประโยชน์และเป็นท่อน้ำเลี้ยงให้กับแอปพลิเคชันดังกล่าว ซึ่งหลังจากที่มีการเปิดปฏิบัติการทลายแก๊งปล่อยเงินกู้ในครั้งนี้มีความพยายามจะหลบหนีไปออกนอกประเทศ แต่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปน.ตร. และชุดปฏิบัติการส่วนกลางติดตามจับกุมตัวได้ในที่สุด
ในส่วนของแอปพลิเคชัน “กระเป๋าให้ท่านมีที่ยืม” มีแอปพลิเคชันอื่นที่เกี่ยวข้องกว่า 20 แอปพลิเคชัน จากการตรวจสอบพบว่าไม่เคยได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้กำกับแต่อย่างใด โดยภายในระยะเวลา 6 เดือน กลุ่มคนร้ายใช้บัญชีธนาคารกว่า 20 บัญชี ในการกระทำความผิด มียอดเงินหมุนเวียนสูงถึง 1,000 ล้านบาท เมื่อได้กำไรจากการปล่อยเงินกู้นอกระบบแล้วจะรีบโอนเงินออกเป็นทอดๆ ในระยะเวลาที่รวดเร็ว และในส่วนของแอปพลิเคชัน “Self service” พบว่าไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้กำกับเช่นเดียวกัน โดยภายในระยะเวลา 6 เดือน พบว่ากลุ่มคนร้ายใช้บัญชี 11 บัญชี ในการกระทำความผิด มียอดเงินหมุนเวียนกว่า 1,500 ล้านบาท และมีการโอนเงินออกเป็นทอดๆ เช่นเดียวกัน นอกจากนี้ทั้งสองแอปพลิเคชันมีการนำกำไรดังกล่าวไปซื้อเป็นเหรียญคริปโตเคอเรนซี อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ สินค้าและบริการ เพื่อให้ยากต่อการถูกตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ในวันนี้ ศปน.ตร. ซึ่งมีหน้าที่ในการปราบปรามแก๊งเงินกู้นอกระบบ ซึ่งปัจจุบันมีการกระทำผิดในหลายรูปแบบ ซึ่งปฏิบัติการในครั้งนี้ได้เข้าทลายแก๊งเงินกู้นอกระบบผ่านแอปพลิเคชัน ซึ่งทำให้สามารถเข้าถึงผู้ที่ต้องการกู้ได้ง่ายมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถเข้าถึงข้อมูลของผู้กู้ผ่านทางโทรศัพท์มือถือ หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งแก๊งเหล่านี้จะเอามาใช้ในการข่มขู่เพื่อให้ผู้กู้ยินยอมชำระดอกเบี้ยมหาโหดถึงร้อยละ 40 ต่อ 7 วัน หรือร้อยละ 2,080 ต่อปี เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องรวมทั้งนายทุนชาวจีนที่อยู่เบื้องหลังแอปพลิเคชันดังกล่าว พร้อมทั้งยึดทรัพย์สินและบัญชีที่ใช้ในการกระทำความผิดได้ ซึ่งจากนี้จะสั่งการให้มีการตรวจสอบทรัพย์สินเพิ่มเติมที่ติดตามยึดอายัดเพื่อนำมาดำเนินคดีตามกฎหมาย และจะมีการตรวจสอบการกระทำผิดในลักษณะของการปล่อยเงินกู้นอกระบบ เพื่อนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายต่อไป หากพี่น้องประชาชนคนใดได้รับความเดือดร้อนจากแก๊งเงินกู้ หรือมีเบาะแสที่เป็นประโยชน์ สามารถแจ้งได้ที่ช่องทาง 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือสามารถแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ได้เช่นกัน
สุดท้ายนี้ศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอฝากเตือนภัยถึงประชาชนอย่าหลงเชื่อในการกู้เงินจากแหล่งเงินกู้นอกระบบ ซึ่งไม่มีความน่าเชื่อถือและไม่ได้รับอนุญาต รวมทั้งยังเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ขอให้ใช้ความระมัดระวังในการอนุญาตให้ผู้อื่นเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลทางช่องทางต่างๆ เช่น การอนุญาตให้เข้าถึงข้อมูลโทรศัพท์ หากต้องการตรวจสอบแหล่งเงินกู้ที่ถูกต้องตามกฎหมาย.
อย่างในงานมีการแสดงถึงการนำมาทำเส้นใยไฟเบอร์เป็นโครงของรถยนต์ ที่ให้น้ำหนักเบาและคงทนแข็งแรง ทำเป็นเสื้อเกราะกันกระสุนก็ได้ รวมไปถึงยารักษาโรค ก็จะมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยจัดแสดงจนถึงวันที่ 3 ธ.ค.นี้ เมื่อถามถึงกรณีการตรวจสอบร้านจำหน่ายช่อดอกกัญชาที่ถนนข้าวสาร ซึ่งพบว่ามีการโฆษณา ชักชวนสันทนาการ จัดพื้นที่ให้สูบ นายอนุทิน กล่าวว่า สูบในพื้นที่สาธารณะ สถานประกอบการ และในร้านไม่ได้ ต้องใช้ในทางการแพทย์ ส่วน ที่บอกมีแพทย์แผนไทยเฝ้าร้านแล้วให้สูบได้ ก็ทำไม่ได้ ขอให้เลิกเสีย ทางที่ดีที่สุด คือ ออก พ.ร.บ.กัญชง กัญชา ออกมาโดยเร็ว จะได้ลดความวิตกกังวลของประชาชน
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ" เปิดให้ผู้โดยสาร และผู้ใช้บริการ จอดรถฟรี 5 วัน ช่วงวันหยุดยาว 2-6 ธันวาคม 2565 ที่ลานจอดรถระยะยาวโซน C
วันที่ 28 พ.ย. 65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างวันที่ 2-6 ธันวาคม 2565 ซึ่งเป็นช่วงวันหยุดยาว วันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม 2565 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เปิดให้ผู้โดยสาร ผู้ใช้บริการ จอดรถฟรี 5 วัน บริเวณลานจอดรถระยะยาวโซน C
โดยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ยกเว้นอัตราค่าบริการจอดรถ ที่ลานจอดรถระยะยาว (Long Term Parking) โซน C ซึ่งสามารถรองรับได้จำนวน 718 คัน ทั้งนี้ ผู้โดยสาร ผู้ใช้บริการสามารถนำรถยนต์เข้ามาจอดฟรี ระหว่างวันที่ 2-6 ธันวาคม 2565 ตั้งแต่เวลา 00.01 น. ของวันศุกร์ที่ 2 ธันวาคม 2565 ถึงเวลา 24.00 น. ของวันอังคารที่ 6 ธันวาคม 2565 รวมทั้งสิ้น 5 วัน
นอกจากนี้ ทสภ. ได้จัดรถ Shuttle Bus สาย A วิ่งให้บริการรับ-ส่งเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารและผู้ใช้บริการ ระหว่างลานจอดรถระยะยาวโซน C และอาคารผู้โดยสารทุกๆ 15 นาที ตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยรถ Shuttle Bus สาย A จะเริ่มวิ่งจากศูนย์การขนส่งสาธารณะ (Public Transportation Center) ไปยังลานจอดรถระยะยาวโซน C และแวะจอดรับ-ส่งตามจุดต่างๆ ก่อนจะไปจอดที่อาคารผู้โดยสารบริเวณ ชั้น 1 ประตู 3 และประตู 8 จากนั้นจะวนไปที่ลานจอดรถระยะยาวโซน A และกลับเข้าสู่ศูนย์การขนส่งสาธารณะ
อย่างไรก็ตาม
เนื่องจากเป็นวันหยุดยาว ทสภ.
ขอความร่วมมือผู้โดยสารที่เดินทางในเที่ยวบินระหว่างประเทศควรเผื่อเวลาก่อนการเดินทางประมาณ
3 ชั่วโมง และเที่ยวบินภายในประเทศควรเผื่อเวลาก่อนการเดินทางประมาณ 2
ชั่วโมง
สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
ศูนย์ปฏิบัติการอาคารจอดรถยนต์ หมายเลขโทรศัพท์ 0-2132-9511 ตลอด 24
ชั่วโมง หรือ AOT Contact Center หมายเลขโทรศัพท์ 1722 ตลอด 24 ชั่วโมง.
ตำรวจ สน.ยานนาวา คุมตัว "ตู้ห่าว-ชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์" 1 ในกลุ่มทุนจีนสีเทา ฝากขังพร้อมคัดค้านการประกันตัว
เมื่อเวลา
11.00 น. วันที่ 24 พฤศจิกายน 2565 ที่ สน.ยานนาวา พ.ต.อ.วุฒิชัย ไทยวัฒน์
รอง ผบก.น.6 รรท.ผกก. สน.ยานนาวา และ พนักงานสอบสวน สน.ยานนาวา
นำตัวนายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ ตู้ห่าว
มาขออนุมัติอำนาจศาลอาญากรุงเทพใต้ เพื่อฝากขัง
พร้อมคัดค้านการประกันตัว
ซึ่งระหว่างที่นำตัวนายตู้ห่าวขึ้นรถคุมตัวผู้ต้องขัง
ผู้สื่อข่าวถามว่ายืนยันในความบริสุทธิ์หรือไม่ นายตู้ห่าวตอบสั้นๆ ว่า
ยืนยัน ก่อนจะเดินขึ้นรถ และไม่ได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวอีกเลย
จากนั้นขบวนรถควบคุมตัวนายตู้ห่าวออกจาก
สน.ยานนาวา โดยมีรถจักรยานยนต์สายตรวจนำหน้า
และมีฝ่ายสืบสวนพร้อมอาวุธปืนยาวครบมือ ป้องกันการชิงตัวผู้ต้องหา
เมื่อถึงศาลอาญาใต้ทางตำรวจศาลได้ออกมารับตัวเข้าไปยังห้องสอบคำให้การทันที
ด้าน
พ.ต.อ.วุฒิชัย กล่าวว่า ตอนนี้ตำรวจได้ยื่นคำร้องขออำนาจศาลอาญากรุงเทพใต้
เพื่อฝากขังนายตู้ห่าวแล้ว
สำหรับเรื่องการสอบสวนมีคณะกรรมการการสอบสวนดำเนินการอยู่
และระหว่างการฝากขัง ผู้ต้องหาดูไม่มีอาการเครียดหรือวิตกกังวลอะไร
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัวในขั้นสอบสวนไปแล้ว พร้อมทั้งคัดค้านการประกันตัวในชั้นศาลด้วยเช่นกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
ทนายความของนายตู้ห่าวได้เตรียมหลักทรัพย์
เพื่อยื่นขอประกันตัวต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ เพื่อขอปล่อยตัวชั่วคราวด้วย
จากคดีทำร้ายร่างกาย กลายเป็นคดีอื้อฉาวในวงการตำรวจ เมื่อ ตำรวจระดับบิ๊กของจังหวัด ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนในการ “เปลี่ยนตัวผู้ต้องหา” ในคดี แก๊งทวงหนี้ 6 คน บุกทำร้ายคนในพูลวิลล่า หาดจอมเทียน เมืองพัทยา ซึ่งต่อมา พบว่าสับเปลี่ยนชาย 2 คน อ้างตัวเป็นคนกระทำผิด จนมีการขยายผล พบหลักฐานเชื่อมโยงกับ พ.ต.อ.กรวัฒน์ หันประดิษฐ์ รอง ผบก.ภ.จ.ชลบุรี กล่าวหาว่า รับเงินสินบนมากกว่า 1 ล้านบาท เพื่อให้การช่วยเหลือ ซึ่งต่อมามีการแจ้ง 3 ข้อหาฉกรรจ์ พร้อมตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง
อย่างไรก็ดี เรื่องไม่ได้จบที่ พ.ต.อ.กรวัฒน์ เพราะมีรายงานเชื่อมโยงไปถึง นายตำรวจระดับสูงยศ พล.ต.ต.
กระทั่ง ล่าสุด ได้มีคำสั่งย้าย พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ ธนนันท์ทวีสิน ผบก.ภ.จ.ชลบุรีให้ไปปฏิบัติราชการที่ ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยขาดจากตำแหน่งเดิม สืบเนื่องจาก มีเหตุเป็นที่สงสัยว่าประพฤติบกพร่องต่อหน้าที่และกระทำความผิดทางวินัยหรืออาญา หากปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยงานเดิม อาจเป็นอุปสรรคต่อการสอบสวน และในวันนี้ (15 พ.ย.) พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ ได้เดินทางมารับทราบข้อหา ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยไม่ให้การใดๆ ซึ่งพนักงานสอบสวน จะเร่งรวบรวมพยานหลักฐานสรุปสำนวนส่ง ป.ป.ช.ภายใน 30 วัน
จากประเด็นดังกล่าว ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ได้พูดคุยกับ พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร อดีตผู้บัญชาการปราบปรามยาเสพติด (ผบช.ปส.) ตำรวจมือปราบในยุคสงครามยาเสพติด ซึ่งกล่าวในประเด็น การเปลี่ยนตัวผู้ต้องหา และกับปัญหาตำรวจกังฉินว่า ปัญหาแบบนี้ ในสมัยก่อนอาจจะมีบ้าง โดยเฉพาะคดีการพนัน ที่คนใหญ่คนโต ข้าราชการถูกจับ แล้วเปลี่ยนคนมารับผิด ซึ่งโทษพวกนี้แค่ปรับ และอาจจะมีการเปลี่ยนตัวให้คนอื่นไปแทนบ้าง...
แต่ถ้าเป็นคดีใหญ่ๆ คดีอาญา เช่น ลัก วิ่ง ชิง ปล้น ข่มขืน หรือค้ายาเสพติด ไม่มีอยู่แล้ว เรื่องแบบนี้ตำรวจไม่ยอมหรอก ส่วนใครจะมาวิ่งเต้นขอเปลี่ยนตัว แบบนี้ถือว่า “สมองน้อย” มีแต่คนสู้คดี หาหลักฐานมาสู้ในชั้นศาล การจะหาคนรับจ้างติดคุกมาติดแทน...ความจริงมันก็ทำไม่ได้อยู่แล้ว เพราะหลักฐานที่เกิดขึ้นมันก็มีอยู่ ทั้งรูปพรรณสัณฐาน
พล.ต.ท.เรวัช มองว่า เดี๋ยวนี้การจะทำอะไรผิดแบบนี้ถือเป็นเรื่องยาก เพราะทุกคนมีโทรศัพท์ มีกล้อง ยังไม่รวม กล้องวงจรปิด กล้องหน้ารถ พยานเหตุแวดล้อมอีกมากมาย ซึ่งหลักฐานทุกอย่างมีมากมายแค่ดูจากกล้องวงจรปิดก็ทราบแล้วว่าคนร้ายรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร
“ส่วนตัวก็เคยเจอเคสลักษณะแบบนี้ คือ เหตุการณ์ยิงกันหน้าผับ จู่ๆ ก็มีคนมามอบตัว มาอ้างตัวว่าเป็นคนยิง เพราะความหมั่นไส้...ผมนี่จับตัวมันเข้าห้องขังเลย ในข้อหา 'แจ้งความเท็จ' เพราะจากพยาน หลักฐานที่ตำรวจมี มันชี้ชัดอยู่ว่าเป็นใคร”
อดีตมือปราบยาเสพติด อธิบายว่า คำว่า “เปลี่ยนตัวผู้ต้องหา” กับ การรับ “สมอ้างเป็นผู้ต้องหา” นั้น แตกต่างกัน
“เปลี่ยนตัวผู้ต้องหา” หมายถึงว่า ตำรวจจับตัวผู้ต้องหาได้แล้ว
“สมอ้างเป็นผู้ต้องหา” หมายถึงยังจับไม่ได้ แล้วมาอ้างตัว
ฉะนั้น “การเปลี่ยนตัวผู้ต้องหา แปลว่า 'อาจจะ' มีการวิ่งเต้นกัน จะวิ่งด้วยเงินทอง หรือคนมีพระคุณขอร้อง หรือพรรคพวก อะไรก็ช่าง มีปัจจัยอื่น จนเป็นเหตุให้คนอื่นมาทำหน้าที่ผู้ต้องหาแทน และปล่อยผู้ต้องหาตัวจริงไป แบบนี้ถือว่าเข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ มีความผิด ติดคุกได้เลย ถือว่าเป็นคนชั่ว”
เมื่อถามว่า การสลับตัวผู้ต้องหา จะเกิดขึ้นในช่วงขั้นตอนใด พล.ต.ท.เรวัช กล่าวว่า เมื่อจับตัวผู้ต้องหามาแล้ว พนักงานสอบสวนอาจจะเป็นเด็กๆ ร้อยเวร ฉะนั้น การจะเปลี่ยนผู้ต้องหาได้ ต้องเป็นคำสั่งของคนมีอำนาจ สั่งให้ลูกน้องทำ
“การที่ตำรวจปล่อยให้มีการเปลี่ยนตัวผู้ต้องหา ก็เหมือน 'ชนักติดหลัง' ฉะนั้น จึงอยากฝากเตือนๆ น้องๆ ตำรวจรุ่นใหม่ว่า เดี๋ยวนี้สื่อมวลชนมีมาก ขณะที่ประชาชนก็มีสมาร์ทโฟนเกือบทุกคน ทุกคนเป็นสื่อได้หมด ฉะนั้น การจะทำอะไรที่กระทบกับความรู้สึกประชาชนต้องระมัดระวัง หากประชาชนอยากให้กำจัดสิ่งที่ผิด ไม่ถูกต้อง ใครมาขอร้อง ก็อย่าช่วย เพราะช่วยเขา ตัวเราตาย ปฏิเสธไปตรงๆ เลย หากต้องการให้ทำจริงๆ ก็ควรมาเป็นลายลักษณ์อักษร หรือขอให้เปลี่ยนตัวออกให้คนอื่นทำแทน เรื่องเหล่านี้ยังพอมีทางออก อย่าเครียดมากจนทำร้ายตัวเอง”
ลงโทษตำรวจแค่ย้าย ไม่จริง เพราะมี ไล่ออก ปลดออก แต่ก็ต้องทำตามขั้นตอน
สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ จะเป็นอย่างไร พล.ต.ท.เรวัช กล่าวว่า มีหลายคนพูดว่า ตำรวจทำผิดแค่ย้าย นั้นไม่ใช่เรื่องจริง เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในเวลานี้ ยังไม่รู้ว่าเขาทำผิดหรือไม่ แต่การย้ายดังกล่าว ก็เพื่อไม่ให้ยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน
ขั้นตอนต้องมีการตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงก่อน หากพบว่ามีมูลค่อยตั้งสอบวินัยร้ายแรงตามมา หากเราไปให้เขาออกจากราชการไว้ก่อนนั้น แบบนี้ทำได้ยาก เพราะปัจจุบันเขาสามารถไปฟ้องศาลปกครองได้ เพราะถือว่ายังไม่ผ่านขั้นตอนการพิจารณาเลย แม้แต่กรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง เขายังอุทธรณ์ได้ ก็คล้ายกับการจับกุมผู้ต้องหา คดีอุกฉกรรจ์ ทำไมศาลยังให้ประกัน และเหตุใดต้องต่อสู้กันถึง 3 ศาล
การตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ก็มีกรอบระยะเวลา หากพบว่า “มีมูล” ก็จะมีการตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ก็มีกรอบระยะเวลาอีก หากพบว่ามีความผิดก็อาจจะมีการลงโทษทางวินัย หากพบว่าพยานหลักฐานชัดเจน ก็ให้ไล่ออก หากพยานหลักฐานไม่ชัดเจน ให้ออก หรือปลดออก หลังจากนั้น ก็ต้องถูกดำเนินคดีอาญา...ตามมา
“ส่วนตัวเชื่อว่า ตำรวจยุคนี้จะดำเนินการลงโทษผู้กระทำผิดอย่างจริงจัง โดยเฉพาะในยุค พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล และ พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ทั้ง 3 คนเป็นคนทำงานจริงจัง จึงเชื่อว่าหลังจากนี้จะดีขึ้น” พล.ต.ท.เรวัช กล่าวทิ้งท้าย
บิ๊กโจ๊ก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล บินด่วนแถลงปิดคดี
หนุ่มบุรีรัมย์กลับจากเยอรมนีแล้วถูกเผาปริศนากลางโรงเรียนที่ อ.ประโคนชัย
ชี้จากการชันสูตรศพและสืบสวนทุกประเด็น
พบเป็นการจุดไฟเผาตัวเองจนเสียชีวิต
เมื่อวันที่ 28 ต.ค. 2565 เวลาประมาณ 20.00 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.ได้นั่งเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ มาลงที่สนามโรงเรียนเมืองตลุงพิทยาคม อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ เพื่อมาคลี่คลายคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ กรณีหนุ่มบุรีรัมย์กลับจากเยอรมันแล้วถูกเผาปริศนาในโรงเรียนแห่งหนึ่งเมื่อต้นเดือนตุลาคม
ที่ห้องประชุมในโรงเรียนเมืองตลุงฯ มีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เช่นแพทย์ที่ชันสูตรฯ ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน และชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ มาร่วมแถลง พร้อมเชิญครอบครัวและญาติของนายธนทัต จันทร์แก อายุ 23 ปี ชาว ต.เมืองฝาง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ผู้เสียชีวิตภายในโรงเรียนบ้านแสลงโทน ต.แสลงโทน อ.ประโคนชัย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 10 ต.ค. มาร่วมรับฟัง หลังจากก่อนหน้านี้ บรรดาญาติต่างติดใจการเสียชีวิต คิดว่าน่าจะเป็นการฆาตกรรมมากกว่าการทำร้ายตัวเอง และไม่ยอมเผาศพผู้ตาย จนกว่าคดีจะคลี่คลายหรือได้คำตอบที่ชัดเจนถึงสาเหตุการตาย
ในการแถลงสรุปคดีซึ่งใช้เวลาประมาณ 3 ชม. ระบุว่า วันที่ 10 ต.ค. 65 ตำรวจ สภ.ประโคนชัย รับแจ้งคนถูกเผาภายในโรงเรียนบ้านแสลงโทน ต.แสลงโทน อ.ประโคนชัย รับแจ้ง มีคนถูกเผาเสียชีวิตอยู่ภายในโรงเรียนบ้านแสลงโทน ต.แสลงโทน ทราบต่อมาคือนายธนทัต จันทร์แก่ อายุ 23 ปี ชาว ต.เมืองฝาง อ.เมือง สภาพศพ ถูกไฟเผาไหม้ทั้งตัว
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุ และประชาชนให้ความสนใจ ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภ.3 พล.ต.ต.รุทธพล เนาวรัตน์ ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ พ.ต.อ.เจตน์สกฤษฎิ์ แพ่งศรีสาร ผกก.สภ.ประโคนชัย เร่งดำเนินการตรวจสอบ พิสูจน์ทราบสาเหตุการเสียชีวิตจากกรณีดังกล่าวโดยด่วน
จากการสอบสวนทุกประเด็นรอบด้านพบว่า วันที่ 7 ต.ค. ผู้ตายเดินทางกลับจากประเทศเยอรมนี ซึ่งไปอยู่กับแม่ได้ 3 ปี จากนั้นได้เดินทางไปเที่ยวที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ก่อนจะกลับไปที่บ้านภรรยาที่ อ.ประโคนชัย ที่เกิดเหตุ ในวันที่ 9 ต.ค.
ในวันเดียวกัน ช่วงเย็นได้มีพยานพบเห็นผู้เสียชีวิต มีอาการเหม่อลอย และเห็นผู้ตายถือขวด คาดว่าบรรจุน้ำมันที่ผู้เสียชีวิตไปซื้อมาจากปั๊มน้ำมันแบบหยอดเหรียญ ซึ่งอยู่ใกล้บ้านของผู้เสียชีวิต จากนั้นผู้เสียชีวิต ได้เดินไปที่โรงเรียนที่เกิดเหตุเพียงลำพัง ก่อนจะเกิดเหตุพบศพถูกเผาดังกล่าว
จากผลการชันสูตรพลิกศพของผู้ตาย แพทย์ระบุว่า ผู้ตายมีร่องรอยถูกไฟไหม้ตลอดช่วงลำตัว และด้านหลังของศพ ไม่พบร่องรอยบาดแผลอื่นใดจากการถูกทำร้ายหรือถูกกระแทกจากของแข็งมีคมและไม่มีคมแต่อย่างใด
สาเหตุการตายเกิดจากไฟไหม้หลอดลมจนขาดอากาศหายใจ คาดว่าผู้ตายจะใช้น้ำมันราดตัวเองในท่านั่ง ก่อนจุดไฟเผาตัวเองจนเสียชีวิต ซึ่งจากการสืบสวนเพิ่มเติมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบว่า ผู้เสียชีวิต มีปัญหาการป่วยด้วยอาการซึมเศร้ามาเป็นเวลานาน รวมถึงมีอาการทางจิตเนื่องจากผลข้างเคียงจากการใช้ยาเสพติด ต้องไปปรึกษาแพทย์และทานยารักษาอาการ
รอง ผบ.ตร.กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ยังมีปัญหากับภรรยาซึ่งเกิดอาการหึงหวงระหว่างคู่รัก และมีความขัดแย้งในครอบครัวเป็นประจำ เนื่องจากถูกพูดถึงเกี่ยวกับอาการป่วย และถูกตักเตือนในเรื่องของการใช้เงินเป็นจำนวนมาก ประกอบกับผู้เสียชีวิตได้มีการโพสต์ข้อความตัดพ้อเกี่ยวกับชีวิตของตนผ่านเฟชบุ๊ก คาดว่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้ตายตัดสินใจกระทำอัตวินิบาตกรรมดังกล่าว
ขณะที่ภรรยาผู้ตาย ได้ออกมาระบุหลังการแถลงว่า ส่วนหนึ่งรู้สึกน้อยใจจากคำแถลงของตำรวจ เพราะดูเหมือนว่าตนจะเป็นต้นเหตุหลัก แต่ยอมรับว่าได้มีการส่งข้อความแชตกับสามีแบบนั้นจริง เป็นการพูดเล่น ส่วนหนึ่งลืมคิดไปว่าสามีไม่ปกติ อาจมีความเป็นไปได้ ทั้งนี้ต้องยอมรับการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่
สำหรับศพผู้เสียชีวิตซึ่งก่อนหน้านี้ครอบครัวไม่ยอมเผาจนกว่าคดีจะคลี่คลาย ซึ่งคาดว่าจะมีการฌาปนกิจภายใน 2-3 วันนี้
{Fullwidth}