"สมรักษ์ คำสิงห์" เข้าพบตำรวจกลางดึก ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ยกมือไหว้ขอโทษครอบครัว ขอโทษสังคม ขอตั้งสติ แก้ไขในส่วนที่ผิดพลาดไป ยันพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ขณะที่ตำรวจปล่อยตัว ชี้ไม่มีพฤติการณ์หลบหนี รอคำให้การแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน
จากกรณี น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี แจ้งความดำเนินคดีกับ น.ต.สมรักษ์ คำสิงห์ หรือบาส อดีตทหารเรือและนักมวยเหรียญทองโอลิมปิก เจ้าของฉายา "โม้อมตะ" ในข้อหากระทำอนาจาร หลังไปเที่ยวที่ผับแห่งหนึ่งในตัวเมืองขอนแก่น ขณะที่ น.ต.สมรักษ์ เปิดใจไม่ได้ข่มขืน เจอกันในผับก่อนพาเข้าโรงแรม แต่ไม่ได้ล่วงเกิน รู้ภายหลังเป็นเด็กจึงหยุด ไม่หนักใจ ทุกอย่างอยู่บนความจริง เตรียมเข้าให้ปากคำตำรวจ ขณะที่ญาติ น.ส.เอ ยืนยันจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 22.30 น. วันที่ 13 ธันวาคม 2566 ที่กองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น (ภ.จว.ขอนแก่น) นายสมรักษ์ คำสิงห์ ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น นำโดย พ.ต.ท.ศุภฤกษ์ สุวรรณราช รอง ผกก.สอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา โดยเดินทางมาพร้อมพี่ชายและเพื่อนสนิทข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 22.30 น. วันที่ 13 ธันวาคม 2566 ที่กองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น (ภ.จว.ขอนแก่น) นายสมรักษ์ คำสิงห์ ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น นำโดย พ.ต.ท.ศุภฤกษ์ สุวรรณราช รอง ผกก.สอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา โดยเดินทางมาพร้อมพี่ชายและเพื่อนสนิท
หลังรับทราบข้อกล่าวหา ประมาณ 30 นาที นายสมรักษ์ คำสิงห์ ก็เดินทางกลับพร้อมกับให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ว่า ต้องกราบขอโทษครอบครัวตนเอง ขอโทษครอบครัวน้อง และขอโทษชาวไทยและชาวขอนแก่น กับเหตุการณ์ที่เกิดเหตุ จากความผิดพลาดของตัวเอง เพราะไม่ทราบจริงๆ ว่า น้องอายุ 17 ปี และเข้าใจความรู้สึกของทุกคน และจะขอแก้ไขในสิ่งที่ผิดพลาดไป เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ต้องตั้งสติ หาทางแก้ไข และพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม จากนั้นก็เดินทางกลับทันที
ทางด้าน พ.ต.ท.ศุภฤกษ์ สุวรรณราช รอง ผกก.สอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น กล่าวว่า นายสมรักษ์ คำสิงห์ ติดต่อขอพบพนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น ที่กองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น ซึ่งการเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนนั้น ในเบื้องต้นทราบว่า ประสงค์จะเข้ามอบตัว เมื่อผู้ถูกกล่าวหามามอบตัวแล้ว และรับทราบข้อกล่าวหาเรียบร้อยแล้ว ในข้อหา ร่วมกันพรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี แต่ยังไม่เกิน 18 ปี ไปเสียจากบิดา มารดา หรือผู้ปกครอง, ร่วมกันพาบุคคลอายุเกิน 15 ปี แต่ยังไม่เกิน 18 ปี ไปเพื่อการอนาจารฯ, กระทำอนาจารแก่บุคคลอายุเกิน 15 ปี โดยใช้กำลังประทุษร้าย และข้อหาพยายามข่มขืนผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้ายฯ ซึ่งผู้ถูกกล่าวหา ก็ให้การปฏิเสธ ทุกข้อกล่าวหา แต่ยังไม่มีการสอบสวน เนื่องจากนายสมรักษ์ บอกว่า ขอไปตั้งสติก่อนแล้วจะให้ทนายความพิมพ์คำให้การ มามอบให้พนักงานสอบสวนภายใน 15 วัน อีกทั้งมาพบตำรวจวันนี้มากับพี่ชาย ไม่ได้มาพร้อมทนาย จึงยังไม่พร้อมให้การ
“ผู้ถูกกล่าวหาให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยขอระยะเวลา 15 วัน เพื่อเตรียมคำให้การ เพื่อมาแก้ข้อกล่าวหา ในส่วนที่ทำผิดพลาดไป ผู้ถูกกล่าวหาจะกลับไปแก้ไขให้ดีขึ้น และฝากขอโทษทุกๆ ฝ่าย ขอโทษสังคมด้วย โดยผู้ต้องหาไม่ได้มีท่าทีเครียด แต่รู้สึกว่าสิ่งที่มันเกิดขึ้น คือความผิดพลาด ในเบื้องต้นนั้นทางผู้ถูกกล่าวหาประสงค์ที่จะมอบตัวและแสดงความบริสุทธิ์อยู่แล้ว ทางคณะสอบสวนได้มีการประชุมกันแล้ว ซึ่งผู้ต้องหาไม่มีพฤติการณ์หลบหนี ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงไม่ได้มีการควบคุมตัวเอาไว้”
ส่วนผู้ต้องหาอีกคน ซึ่งเป็นคนขับขี่รถจักรยานยนต์พาผู้ถูกกล่าวหาและผู้ต้องหามาที่โรงแรมนั้น ทางพนักงานสอบสวนก็จะออกหมายเรียกมารับทราบข้อกล่าวหา ร่วมกันพรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี แต่ยังไม่เกิน 18 ปี ไปเสียจากบิดา มารดา หรือผู้ปกครอง และข้อหาร่วมกันพาบุคคลอายุเกิน 15 ปี แต่ยังไม่เกิน 18 ปี ไปเพื่อการอนาจารฯ ต่อไป.
...